8 โมงเช้า นั่งรถไฟสายด่วนพิเศษ The Limited Express Romancer Super Hakone ตรงจากสถานี Shinjuku ไป Hakone-Yumoto station ใช้เวลาเพียง 85 นาที ก็หลบความวุ่นวายของเมืองใหญ่ หลีกออกมาให้ธรรมชาติสวยงามโอบล้อมรอบตัวเรา
จุดหมายสำคัญครั้งนี้ ผมอยากไปดูงานศิลปในสวน ที่ Hakone Open-Air Art Museum หรือในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า Chōkoku-no-mori (彫刻の森)

ลงรถไฟที่สถานีปลายทาง Hakone-Yumoto station ไม่ต้องเดินออกจากสถานี เลี้ยวซ้ายไปต่อ รถไฟสาย Hakone Tozan ที่นักท่องเที่ยวนิยมนั่งไปลงที่สถานี Gora เพื่อไปขึ้น Cable Car นั่งกระเช้า นั่งเรือเที่ยว ทะเลสาบ Ashinoko
รถไฟสาย Hakone Tozan เป็นรถไฟสายเก่าแก่ พาเราลัดเลาะขึ้นเขา เข้าถ้ำ ข้ามสะพาน ผ่านหุบเขา เที่ยวชมต้นไม้เขียวขจี หากใครมาเที่ยวช่วงกลางเดือนมิถุนายน จะได้เห็น ดอกไฮเดรนเยีย Hydrangea (ajisai) บานสะพรั่งสีสวยเต็มสองข้างทาง รถไฟไต่ความสูงขึ้นมาราว 500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ใช้เวลาราว 30 นาที เราลงที่สถานี Chokoku-no-Mori Station ก่อนถึงสถานี Gora มีนักท่องเที่ยวลงสถานีนี้ไม่เยอะ ออกจากสถานีเดินต่ออีกแค่สองนาทีก็ถึงจุดหมาย
อากาศเย็นสบาย โชคดีไม่มีฝน พอมีแดดให้ถ่ายรูปได้สวย ซื้อบัตรเข้าชมคนละ 1600 เยน มีเวลาเดินเที่ยวหนึ่งชั่วโมง น่าจะเพียงพอ
ทางเข้า Museum ออกแบบให้เราเดินผ่านอุโมงเล็กๆ ปลายทางเปิดให้เราเห็นภูเขา กว้างใหญ่ ตระการตา ผมไม่คิดว่าที่นี่จะสวยงามเช่นนี้ คนญี่ปุ่น รักศิลปะ รักความปราณีต รักความมีระเบียบ สะอาด และมีรสนิยม ที่นี่ตั้งใจให้เราปลดปล่อยความสับสนวุ่นวาย เปิดโอกาสให้สมอง สายตา ร่างกาย ได้พักผ่อน ดื่มด่ำกับความคิดสร้างสรรค์ ท่ามกลางธรรมชาติที่งดงาม
ที่นี่เป็น Open Air Art Museum แห่งแรกของญี่ปุ่น สร้างตั้งแต่ปี 1969 โดยเจ้าของสื่อยักษ์ใหญ่ Fujisankai Communication Group ตั้งใจให้ คนได้สัมผัสงานศิลป และใกล้ชิดธรรมชาติ มีปฏิมากรรมชิ้นเยี่ยมของศิลปินระดับโลก เช่น Henry Moore, Constantin Brâncuși, Barbara Hepworth, Rokuzan Ogiwara, และ Kōtarō Takamura จัดแสดงกลางแจ้งกว่า 120 ชิ้น มี Indoor Gallery อีก 5 หลังให้เยี่ยมชม ไม่ควรพลาด Picasso Pavilion รวมภาพเขียนและงานเซรามิคของ Picasso กว่า 300 ชิ้น เหมาะมากสำหรับพาครอบครัวมาพักผ่อน มีที่ให้เด็กๆวิ่งเล่น ปีนป่าย ซุกซน สนุกสนานมากมาย สะดวกสบายด้วยร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก
หนึ่งชั่วโมงไม่พอสำหรับคนที่พิถีพิถัน อยากชื่นชมในทุกรายละเอียด มีเวลาหยุดดูธรรมชาติเคลื่อนไหว แต่ก็คุ้มค่าแล้วสำหรับการมาเยือนครั้งแรก ผมจะกลับมาที่นี่อีก อยากแนบชิดกับ ศิลปให้เนินนานกว่านี้
ออกจาก Museum เราขึ้นรถไฟไปต่อ รถรางเคเบิ้ลคาร์ เพื่อขึ้นไปสถานี Sounzan บน ยอดเขาที่ระดับความสูง 761 เมตร จากสถานี Sounzan นั่งกระเช้าไฟฟ้า (Rope-way) เพื่อไปเที่ยวที่สำคัญของ Hakone อีกสองจุด แวะที่สถานี Owakudani กลิ่นกำมะถันลอยมาแต่ไกล ออกไปเดินยืดเส้นสาย ซื้อไข่ต้มกินให้อายุยืนอีก 7 ปี นั่ง
กระเช้าต่อไปลงที่สถานี Togendai แล้วนั่งเรือล่องทะเลสาบ Ashinoko (芦ノ湖) ลงเรือที่ Moto-Hakone เดินไปถ่ายรูปซุ้มประตูสีแดง torii gates ที่วัด Hakone Jinja Shrine 箱根神社 แล้วนั่งรถเมล์กลับมาที่ สถานีรถไฟ Hakone
หลังจากเหนื่อยมาทั้งวัน เราไปอาบน้ำแร่ ที่ Hakone Yuryo Hotsprings มีรถรับส่งออกจากสถานีทุก 15 นาที แต่ถ้าไม่อยากรอ เรียกแท๊กซี่ให้ไปส่ง ขับขึ้นเขาไปใกล้นิดเดียว ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที สะดวกมาก
ที่นี่ให้บริการแบบ Hot Spring Day Spa เสาร์ อาทิตย์ เปิดบริการตั้งแต่ เก้าโมงเช้า ถึง สี่ทุ่ม มีบ่อน้ำแร่รวม ค่าบริการ คนละ 1400 เยน และแบบห้องส่วนตัว เราเลือกห้องส่วนตัวขนาดสำหรับ 4คน Hanare Yuya Kaden Ajisai ( open air baths for Private Use) ค่าบริการ 1 ชั่วโมง 6000 เยน ต้องจองล่วงหน้าเพราะห้องแบบนี้ มีแค่ 4 ห้องเท่านั้น
ห้องอาบน้ำแร่แบบส่วนตัว เป็นห้องขนาดกระทัดรัด ไม่มีห้องน้ำในตัว มีส่วนแต่งตัว ที่นั่งพักผ่อน และบ่อน้ำร้อนขนาดกำลังดีสำหรับ 4 คน อาบน้ำอาบท่า สระผมให้สะอาด ลงไปแช่น้ำแร่ อุณหภูมิ 40 องศาให้กล้ามเนื้อได้ผ่อนคลาย เป็นการพักผ่อนที่ดีเยี่ยมหลังจากเดินเที่ยว เหนื่อย เมื่อยล้ามาทั้งวัน แนะนำเตรียมเสื้อผ้าไปเปลี่ยนด้วย จะได้สดชื่นแจ่มใส มีกำลังออกเดินเล่น หาร้านอาหารทานสำหรับมื้อเย็น แวะซื้อขนมและของที่ระลึกจากร้านค้าแถวสถานีรถไฟ ก่อนมุ่งหน้ากลับโตเกียว
เป็นหนึ่งวันที่สนุกสนาน ได้เดินทางครบทุกบรรยากาศ ตื่นตากับศิลป และ ธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่หลากหลายมิติ ถ้ามีเวลาอย่าพลาด Hakone
ข้อมูลเพิ่มเติม
















